
10 คลินิกตัดกระเพาะลดความอ้วน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด
1. ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ผู้ป่วยจะต้องตรวจร่างกายและส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่ามีสุขภาพแข็งแรงเพียงพอที่จะเข้ารับการผ่าตัด
2. เข้ารับคำแนะนำด้านโภชนาการ
3. เข้ารับการทดสอบสภาพจิตใจว่าพร้อมจะเข้ารับการผ่าตัดและพร้อมจะเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพหลังการผ่าตัดหรือไม่
4. ประเมินภาวะโรคที่เป็นอยู่ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคปอด เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถควบคุมโรคต่างๆ เหล่านี้ และเข้ารับการผ่าตัดได้
5. หากผู้ป่วยสูบบุหรี่ จะต้องหยุดสูบบุหรี่ก่อนการผ่าตัด 2-3 สัปดาห์ รวมถึงหลังการผ่าตัดด้วย เนื่องจากการสูบบุหรี่จะทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวช้าและเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาต่างๆ
6. แจ้งแพทย์และพยาบาลหากไม่แน่ใจว่าตั้งครรภ์หรือไม่
7. หากกำลังรับประทานยา อาหารเสริม หรือสมุนไพร ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถรับประทานยาชนิดใดได้บ้างและควรหยุดรับประทานยาชนิดใดก่อนการผ่าตัด
8. งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืนในวันที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด หากมียาที่ต้องรับประทานตามแพทย์สั่ง ให้รับประทานยาพร้อมจิบน้ำน้อยๆ
การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด
หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะถูกนำมาที่ห้องพักฟื้น โดยอาจมีการใช้หน้ากากออกซิเจนเพื่อช่วยในการหายใจ ผู้ป่วยอาจยังมีความรู้สึกงัวเงียหลังจากรู้สึกตัวแล้ว และจะมีสายน้ำเกลือที่แขนเพื่อให้อาหารและสารน้ำทางเส้นเลือดจนกว่าผู้ป่วยจะรับประทานอาหารได้ ขณะอยู่ในห้องพักฟื้น พยาบาลจะคอยตรวจเช็กชีพจรและวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และจะย้ายผู้ป่วยไปยังห้องพักเมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น หากผู้ป่วยรู้สึกคลื่นไส้ควรแจ้งพยาบาล โดยทั่วไปผู้ป่วยจะพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3 วัน แต่ขึ้นกับความสมบูรณ์ของร่างกายของผู้ป่วยหลังการผ่าตัด หากผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดหรือต้องเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มเติม อาจต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานขึ้น หลังการผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการควบคุมอาหารทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง โดยจะได้รับแผนการรับประทานอาหารจากแพทย์และต้องเข้ารับคำปรึกษาจากนักโภชนาการ โดยทั่วไปแล้วควรปฏิบัติดังนี้ หลังผ่าตัดสัปดาห์แรก ผู้ป่วยจะรับประทานได้แต่อาหารเหลว เช่น ซุปใส ชา กาแฟ…. เครื่องดื่มที่ไม่เติมน้ำตาลและไม่อัดลม น้ำผัก น้ำผลไม้ โยเกิร์ต แต่ผู้ป่วยจะต้องจำกัดปริมาณสารน้ำที่ได้รับในแต่ละครั้ง และให้รับประทานครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้ง ใน 2 สัปดาห์ถัดมา ผู้ป่วยจะได้รับการจำกัดให้รับประทานอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ เช่น ข้าวต้ม หลังจากนั้นจะปรับเปลี่ยนเป็นอาหารปกติ แต่ควรรับประทานในปริมาณน้อยๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและนานกว่าปกติก่อนกลืน และไม่ควรดื่มน้ำพร้อมกับการรับประทานอาหาร ควรดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร 15-30 นาที ผู้ป่วยจะได้รับรายละเอียดผลการผ่าตัดในภายหลัง และจะต้องกลับมาพบแพทย์อีกครั้งเพื่อตรวจเช็กหากจำเป็น โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการนัดให้ผู้ป่วยกลับมาตรวจเป็นระยะๆ โปรดตระหนักว่ารูปแบบการใช้ชีวิตและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น เป็นเรื่องสำคัญมากต่อการที่จะประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักการผ่าตัดโรคอ้วนนั้นเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยการควบคุมหลังจากนั้น
ประโยชน์ของการผ่าตัด
ช่วยให้กระเพาะอาหารเล็กลง ผู้ป่วยจะรับประทานอาหารได้น้อยลงโดยไม่รู้สึกหิว และจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น จึงช่วยจำกัดปริมาณการบริโภคอาหารและนำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ
รัตตินันท์คลินิก (Rattinan Clinic)
รัตตินันท์คลินิก (Rattinan Clinic) เป็นคลินิกที่ให้บริการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก (bariatric surgery) นำทีมโดยน.อ นพ.ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญพิเศษด้านศัลยศาสตร์ส่องกล้อง ศัลยศาสตร์ทางเดินอาหารและผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักจากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีประสบการณ์ด้านการผ่าตัดกระเพาะมายาวนานกว่า 30 ปี รวมถึงได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองคุณวุฒิจากสหรัฐอเมริกา นายแพทย์ปณต พร้อมด้วยทีมแพทย์ประจำคลินิกและนักโภชนากรกว่า 10 ท่านทำหน้าที่ดูแลและให้คำปรึกษาผู้ป่วยตลอดระยะเวลา 1 ปีภายหลังทำการรักษา นอกจากนี้ยังรับหน้าที่แพทย์สอนผ่าตัดกระเพาะอาหารให้กับแพทย์ท่านอื่นๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
ถึงแม้ว่า การผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน จะไม่นับว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ก็ตาม แต่ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงกับคนไข้ได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งจากประสบการณ์ของ นายแพทย์ปณต ที่มีเคสผ่าตัดกระเพาะกว่า 300 ครั้ง/ปี และสำเร็จทุกเคสนั้น ท่านจะมีเทคนิคเฉพาะ ที่เรียกว่า Double Lock คือการเย็บกระเพาะสองชั้นเพื่อป้องกันการรั่วหรือการขยายออกของกระเพาะในอนาคต ซึ่งมีที่รัตตินันท์คลินิกเพียงที่เดียว
และด้วยความเชื่อมั่นในทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การรักษาที่เห็นผลที่ชัดเจน บวกกับการรักษาในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานแล้ว ทำให้รัตตินันท์คลินิก ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มีชาวต่างชาติเดินทางมาเข้ารับการรักษาและขอคำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
ทำไมต้องผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก ที่รัตตินันท์คลินิก (Rattinan Clinic)
1. ได้รับคำแนะนำ และคำปรึกษา จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
2. ได้รับการผ่าตัดโดยตรงจากทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร และการผ่าตัดโรคอ้วนจากสหรัฐอเมริกา
3. ใช้เทคนิค Double Lock เพิ่มความปลอดภัยให้คนไข้มากขึ้น ซึ่งเป็นเทคนิคของ นพ.ปณต มีที่รัตตินันท์คลินิกเพียงที่เดียว
4. ได้รับการดูแลหลังการผ่าตัดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมโรคอ้วน และเบาหวานโดยตรง
5. ทำการผ่าตัดในโรงพยาบาลชั้นนำ ในเครือ BDMS ที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากล
6. มีการติดตามผลและดูแลหลังการผ่าตัดนานถึง 1 ปี
7. มีเคสผ่าตัดกระเพาะ กว่า 300 ครั้ง/ปี ซึ่งที่ผ่านมา การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักสำเร็จทุกเคส
8. รัตตินันท์คลินิกมีมาตรฐานในการรักษาที่สามารถเชื่อถือได้ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมีชาวต่างชาติเดินทางมาเข้ารับการรักษา และขอคำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
รัตตินันท์คลินิก อาคารสิทธิวรกิจ (The Fifith) ชั้นที่ 12 A ถนนสีลม ซอย 3
เวลาให้บริการ : จันทร์ ถึง เสาร์ เวลา 10.00 น. – 20.00 น., หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เว็บไซต์ : www.rattinan.com
แอดไลน์ : @rattinanclinic
FB : facebook.com/rattinanclinic
เบอร์โทรศัพท์: 086 570 7040 , 086 323 4040
คลินิกรักษาโรคอ้วนครบวงจร โรงพยาบาลรามาธิบดี
โรงพยาบาลรามาธิบดี มีศูนย์รักษาโรคอ้วนโดยเฉพาะ นั่นก็คือคลินิกรักษาโรคอ้วนครบวงจรค่ะ โดยก่อนเข้ารับการผ่าตัด จะมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดก่อน เมื่อตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด ศัลยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าควรใช้การผ่าตัดรูปแบบใด และนอกจากนี้ทีมแพทย์ต้องประเมินและควบคุมโรคร่วมที่คนไข้มีให้มีความเสี่ยงต่ำที่สุด หลังจากการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดความอ้วน จะต้องเน้นกินโปรตีน คาร์โบไฮเดรตที่เป็นไฟเบอร์มาก ๆ เนื่องจากดูดซึมยากกว่า เช่น ผักต่าง ๆ กินไขมันให้น้อย กินวิตามินและออกกำลังกายตามที่แพทย์แนะนำ รวมทั้งมาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ชื่อคลินิก : คลินิกรักษาโรคอ้วนครบวงจร โรงพยาบาลรามาธิบดี
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : med.mahidol.ac.th
Bumrungrad Hospital
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ประกอบด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา มีการรักษาแบบบูรณาการที่มีคุณภาพ ให้การดูแลรักษาสุขภาพแบบครบวงจร โดยแพทย์ส่วนใหญ่ได้รับวุฒิบัตรในระดับสากลจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ ในส่วนของการการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จะใช้วิธีการรักษาแบบ Laparoscopic Gastric Bypass เพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง ช่วยจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทาน ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ใช้การผ่าตัดผ่านกล้อง ขั้นตอนการผ่าตัดคือจะมีการเย็บส่วนของกระเพาะอาหารให้มีขนาดประมาณ 15 – 30 มิลลิลิตร จากนั้นจึงนำมาต่อเข้ากับลำไส้เล็ก จะมีรอยแผลผ่าเล็ก ๆ ที่หน้าท้องประมาณ 5 รอย ขนาดประมาณ 0.5 – 2 ซม. จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย
ชื่อคลินิก : Bumrungrad Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.bumrungrad.com
Bangkok Hospital (ศูนย์ผ่าตัดและรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลกรุงเทพ)
โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย ที่ได้รับความไว้วางใจมากว่า 48 ปี มั่นใจคุณภาพและความปลอดภัยได้ด้วยมาตรฐานรับรองจากสถาบัน JCI ซึ่งเป็นองค์กรกำกับมาตรฐานด้านการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก สำหรับการผ่าตัดกระเพาะอาหารที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จะเป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายนำไขมันส่วนเกินสลายไปเป็นพลังงาน ซึ่งจะใช้หลักการว่า 6 เดือนหลังการผ่าตัด น้ำหนักของผู้เข้ารับการรักษาจะลดไปถึงจุดที่ควรจะเป็น การดูแลเป็นแบบองค์รวมซึ่งจะใช้ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา เพื่อการดูแลอย่างดีที่สุด โดยก่อนการผ่าตัดจะต้องมีการประเมินและตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
ชื่อคลินิก : Bangkok Hospital (ศูนย์ผ่าตัดและรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลกรุงเทพ)
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.bangkokhospital.com
Samitivej Hospital
โรงพยาบาลสมิติเวช เป็นโรงพยาบาลที่ให้การักษาผู้ป่วยด้วยมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากลและเป็นที่ยอมรับโดย สถาบัน JCI ซึ่งให้การดูแลรักษาด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ และทีมบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นอย่างดี สำหรับการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักที่โรงพยาบาลสมิติเวชจะทำได้ ก็เมื่อมีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่า 40, มีดัชนีมวลกายระหว่าง 35-40 และมีปัญหาสุขภาพที่สามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้หากน้ำหนักลดลง หลังการผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงบ้าง ก่อนการผ่าตัดจะมีการตรวจร่างกายก่อนว่าพร้อมหรือไม่ และหลังจากการผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร เข้าพบแพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี
ชื่อคลินิก : Samitivej Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.samitivejhospitals.com
PHAYATHAI Hospital
โรงพยาบาลพญาไท ให้การบริการด้วยความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง บริการที่เป็นเลิศ ภายใต้ปรัชญาการบริหาร ด้วยการเน้นหนักความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ โดยการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาของผู้ป่วยโรคอ้วน ให้บริการผ่าตัดแบบส่องกล้อง จะมีวิธีการผ่าตัดอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ การผ่าตัดกระเพาะด้านบนให้มีขนาดเล็ก (Gastric Bypass) ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง พักฟื้น 3 วัน และการผ่าตัดกระเพาะให้มีรูปร่างคล้ายกล้วยหอม (Sleeve Gastrectomy) วิธีนี้จะใช้การพักฟื้น 3 วันเช่นกัน โดยแพทย์จะต้องวิเคราะห์และพูดคุยกับผู้รับการรักษาก่อน เพื่อเลือกวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุด และหลังจากการผ่าตัดแล้วผู้เข้ารับการรักษาต้องปฏิบัติตามกฎเหล็ก 4 ข้อ คือ ถ้าไม่รู้สึกหิวก็ต้องไม่กิน, ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูง, ออกกำลังกายวันละ 30 นาทีต่อเนื่องทุกวัน และห้ามดื่มน้ำพร้อมมื้ออาหาร เป็นการเว้นระยะเวลาให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานที่สุด อย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จึงจะดื่มน้ำได้ เพื่อให้รู้สึกอิ่มได้นาน
ชื่อคลินิก : PHAYATHAI Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.phyathai.com
โทรศัพท์ : 1772
Kamol Hospital
โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล เป็นโรงพยาบาลชั้นนำด้านการศัลยกรรมตกแต่งของประเทศไทย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก JCI สหรัฐอเมริกา ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยทีมแพทย์ประสบการณ์สูง พร้อมใช้เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่มีมาตรฐานระดับโลก สำหรับการดูแลก่อนผ่าตัดที่โรงพยาบาลกมลก็จะออกแบบให้เหมาะกับผู้เข้ารับการรักษาที่มีประวัติทางการแพทย์แตกต่างกัน ใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอน รวมถึงการดูแลหลังการผ่าตัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
ในส่วนของศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery) ที่โรงพยาบาลกมลจะใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ทำให้เกิดแผลที่ท้องเพียงเล็กน้อย เทคนิคการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารที่ให้บริการ คือ วิธีของ Gastric Bypass เป็นวิธีที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้มากและยาวนานที่สุด รวมทั้งยังทำให้โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และไขมันในหลอดเลือดสูงที่เป็นร่วมกับโรคอ้วนหายได้ แต่ก็อาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลเซี่ยม ขาดธาตุเหล็ก หรือขาดวิตามิน และมีความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนได้ แต่ภาวะแทรกซ้อนอาจน้อยลงหากการทำผ่าตัดลดน้ำหนักในสถานพยาบาล หรือศูนย์ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีการติดตามผู้ป่วยหลังผ่าตัดสม่ำเสมอ หลังการผ่าตัดจะต้องอยู่โรงพยาบาลประมาณ 3 วันจนแน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อน และไม่ต้องรับยาแก้ปวด
ชื่อคลินิก : Kamol Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.kamolhospital.com
Line@ : @kamolhospital
Bangpakok 9 International Hospital
โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ในเครือของโรงพยาบาลบางปะกอก มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพจากองค์กร JCI และ HA ซึ่งการรักษาโรคอ้วนที่โรงพยาบาลบางปะกอก จะให้การรักษาด้วยวิธีใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่จะทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลา และทานอาหารได้น้อยลงกว่าเดิม มีภาวะแทรกซ้อนน้อย และสามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 20 – 30 กิโลกรัมต่อปี แต่ก่อนการรักษาจะต้องมีการประเมินก่อนว่าเข้าเกณฑ์บ่งชี้ในการผ่าตัดหรือไม่
ชื่อคลินิก : Bangpakok 9 International Hospital
ประเภทการบริการ : ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Gastric Balloon)
ช่องทางการติดต่อ : www.bangpakokhospital.com
คลินิกผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลศิริราช
ในปัจจุบันนี้การรักษาโรคอ้วนมีหลายวิธี อาทิเช่น การออกกำลังกาย, การรักษาด้วยยา, การควบคุมอาหาร ซึ่งวิธีในการรักษาโรคอ้วนที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการรักษาโดยการผ่าตัดกระเพาะ เพื่อลดขนาดกระเพาะให้เล็กลง ใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic surgery) ที่จะทำให้เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวเร็ว นอนโรงพยาบาลสั้น สำหรับการผ่าตัดกระเพาะ เพื่อรักษาโรคอ้วนที่โรงพยาบาลศิริราชจะมีเกณฑ์การรับผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด อ้างอิงตาม National Instates of Health ปี 1991 ได้แก่ เป็นผู้ป่วยโรคอ้วนที่มี BMI มากกว่า 40 kg/m2, ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มี BMI 35-40 kg/m2 และมีโรคประจำตัวได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่ 2 ไขมันในเลือดสูง โรคหยุดหายในขณะหลับ โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคข้อเสื่อม เป็นต้น และผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีอายุระหว่าง 18 – 70 ปี เป็นต้น โดยการผ่าตัดลดความอ้วน จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีโอกาสที่มีชีวิตยืนยาวขึ้น และโรคประจำตัวต่าง ๆ ลดลงจนอาจจะหายขาดได้
ชื่อคลินิก : คลินิกผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลศิริราช
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.si.mahidol.ac.th/sirirajhospital/
Praram 9 Hospital
โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการให้การรักษาพยาบาลด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ และมีการให้บริการด้านศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทยที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในปัจจุบัน คือเครื่อง CT Scan 640 Slice ที่สามารถสร้างภาพ 640 ภาพ ต่อการหมุนของหลอดเอกซเรย์ 1 รอบ ช่วยให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจ ได้ผลตรวจถูกต้องแม่นยำ ซึ่งที่นี่มีชื่อเสียงและมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการทำหัตถการผ่าตัดแผลเล็กค่ะ ในส่วนของการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ที่โรงพยาบาลพระรามเก้าใช้การผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งเป็นการผ่าตัดแผลเล็กด้วยเทคโนโลยี 4K ทำให้ฟื้นตัวไว ไม่แผลใหญ่ค่ะ และก่อนผ่าตัดจะต้องปรึกษาและประเมินสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับทราบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง
ชื่อคลินิก : Praram9 Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.praram9.com
Line@ : @praram9hospital